When you are feeling Blue&Homesick... // น้องๆคิดถึงบ้านกันไหม

 สวัสดีนะทุกๆคน ไม่ได้อัพเดตอะไรซะนานเลย วันนี้ก็เลยจะมาเขียนเรื่อง Feel Blue/ Homesick สักหน่อย

ไม่รู้ว่าคนอื่นนิยามมันแบบไหน แต่ถ้าพูดง่ายๆ สำหรับคนไกล มันก็คือ ความเครียด และอาการคิดถึงบ้านนั่นเอง 


ช่วงที่พี่ไปอยู่อเมริกาแรกๆ ยอมรับว่า ไม่ค่อยอยากปฏิสัมพันกับใครเลย เพราะด้วยเรื่องภาษา อาหารก็สั่งไม่เป็น เลยใช้เวลาว่างกับการดูซีรีย์ฝึกภาษา และออกไปปั่นจักรยาน ทำวนๆอยู่อย่างนั้นประมาณ 4 เดือน มีเพื่อนคนไทย แต่เค้าอยู่คนละเขตกัน ก็ต้องนั่งรถไฟไปประมาณ 2 ชั่วโมง เลยไม่ไปหาเพื่อน จนเพื่อนน้อยใจ 555555 

พอหลังจากนั้นก็มีเพื่อนที่อยู่ไม่ไกลมากโพสหาเพื่อนในกลุ่ม ก็เลยมีเพื่อนมารับไปเที่ยวบ้าง แต่จริงๆมีเพื่อนที่อยู่ใกล้บ้านมากกกกก แต่ไม่ค่อยได้เจอเลย เพราะตารางงานต่างกันเหลือเกิน เวลาไม่เคยตรงสักที สุดท้ายไปเจอกันที่วัดไทย

คนที่เป็นออแพร์ที่มาก่อนเราหลายๆ คน จะบอกกันว่า ถ้าเราอยู่ไปสักพัก เราจะรักที่นี่จนไม่อยากกลับเลยแหละ ..... ถ้าไปถึงแล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็จริงนะที่ว่าเราจะรักที่นี่ 




    เอาล่ะมาพูดถึงอาการนี้กัน
1. เราจะรู้สึกเหงาสุดๆ โดยเฉพาะหน้าหนาว - เพราะอากาศหนาวบางครั้งเราแทบจะไม่อยากออกไปไหน เราอยากจะอยู่ในบ้านที่อบอุ่นไปทั้งวัน อากาศแต่ละที่ก็แตกต่างกันอีก เราก็ลองหาคอร์สเรียนดูในช่วงนี้สิ ไหนๆ ก็เที่ยวได้ไม่มาก ถ้าเรียนก็ได้เจอเพื่อนๆในคลาส ได้เจอคุณครูด้วย

2. Culture shock อยากกลับบ้านแล้ววว - ที่นี่มันช่างต่างกับบ้านเราซะเหลือเกิน ทำอะไรก็ไม่สะดวก คนที่มีเซฟโซน อาจจะต้องปรับตัวมากสักหน่อย อาจจะเนื่องจากกฎระเบียบจากโฮส Curfew เวลากลับบ้าน อาหารการกิน พยายามกันอีกนิดนะน้องๆ ถ้าผ่านไปได้ หลังจากนี้มันจะสนุกมากเลย เดี๋ยวนี้โซเชียลก็สามารถคุยทางไกลได้ง่ายๆ เรายังเห็นบรรยากาศที่บ้านได้ทุกวัน โทรคุยกับที่บ้านบ่อยๆอาจจะช่วยได้เหมือนกันนะ

3. เด็กๆติดเรา จนรบกวนเวลาพักผ่อน และทำให้เราเครียดโดยไม่รู้ตัว - อาการนี้เกิดขึ้นได้ตลอด แต่ถ้าเราเริ่มรู้สึกแบบนี้ เราอาจจะต้องปรับที่ตัวเองบางส่วนเหมือนกัน เช่น ลดความเกรงใจลงนิดนึง ถ้าเวลาพักหรือเลิกงาน เราก็ออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะมองเราว่าไม่มีน้ำใจ เพราะ งานก็คืองาน นอกซะจากว่าโฮสขอความช่วยเหลือจริงๆ ก็ค่อยคุยกันอีกที

4. รู้สึกเข้ากับเด็กไม่ได้ในช่วงแรกๆ เลยเครียด - ข้อนี้ต้องลองปรับจูนสักพัก เด็กๆเค้าก็มีเซฟโซนของเค้า เหมือนเราที่เวลาจะทำความรู้จักกับใครสักคน มันก็ต้องใช้เวลา แต่ถ้าดูแล้วเข้ากันไม่ได้จริงๆ คงต้องเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไป >>> ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ "รีแมช"


ที่นึกได้ตอนนี้ก็มีเท่านี้ แต่ยังไงก็ตามทุกอย่างก็มีทางของมัน จะมีแค่เราเท่านั้นที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง วันที่เราตั้งใจทำจนสำเร็จและได้มาแล้ว ก็ขอให้น้องๆทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์นี้ไว้ให้ได้มากที่สุดนะ ตอนนี้พี่อยู่ไทยแล้ว ก็ยังเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่อยากเป็นออแพร์ค่ะ :)

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม